ผมแห้งเสีย เปราะบาง ขาดร่วงง่าย และจัดทรงยาก เป็นปัญหาเส้นผมที่สามารถจัดการให้กลับมาแข็งแรงขึ้นได้ด้วยการบำรุงอย่างสม่ำเสมอ และสารบำรุงทฝสำคัญซึ่งจะช่วยฟื้นสภาพเส้นผมพร้อมกับให้ความชุ่มชื้นได้มากเพียงพอที่เส้นผมจะกลับมามีชีวิตชีวาได้ดังเดิม นอกจาก เคราติน (Keratin) น้ำมันอาร์แกน (Argan oil) แล้ว ยังมีน้ำมันมะกอก (Olive oil) สารสกัดประสิทธิภาพสูงที่อุดมไปด้วยสารอาหารอันเป็นประโยชน์มากมายและปกป้องสุขภาพเส้นผมได้เป็นอย่างดี โดยในวันนี้ Dcash Professional จะมาเล่าถึงคุณค่าของ น้ำมันมะกอกกับการบำรุงผมแห้งเสีย ให้กลับมาชุ่มชื้น นุ่มสลวย และแชร์สูตรมาสก์ผมน้ำมันมะกอกในสไตล์ Home Made รวมถึงไขข้อสงสัยคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับน้ำมันมะกอก เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง สามารถนำน้ำมันมากอกมาใช้งานได้มีผลลัพธ์ตามที่ต้องการ
3 สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ผมแห้งเสีย
ก่อนจะกล่าวถึงคุณประโยชน์ของน้ำมันมะกอก อยากจะให้รู้ถึงสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ผมแห้งเสียก่อนเพื่อจะได้หลีกเลี่ยงปัจจัยเหล่านั้น และจะทำให้เส้นผมกลับมามีสุขภาพดีได้เร็วขึ้นเมื่อทำควบคู่ไปกับการบำรุงด้วยน้ำมันมะกอก
1.การสระผมบ่อยเกินไป
การสระผมบ่อยๆ เป็นการดึงเอาน้ำมันธรรมชาติออกจากหนังศีรษะ ส่งผลให้หนังศีรษะแห้ง ฉะนั้นคนที่มีเส้นผมและหนังศีรษะแห้ง ควรสระผมเพียงสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งเท่านั้น และอย่าใช้น้ำร้อนในการสระผม เพราะอาจทำให้โครงสร้างผมเสียหายได้
2.การทำเคมี
การทำเคมีทุกชนิด ทั้งการทำสีผม การดัดผม และการยืดผมอาจทำให้โครงสร้างเส้นผมอ่อนแอลง ทำให้ผมแห้งเสียและขาดร่วง
3.ความร้อนจากแสงแดดและอุปกรณ์จัดแต่งทรง
ความร้อนถือเป็นศัตรูตัวร้ายของเส้นผม ทั้งความร้อนจากแสงแดดและความร้อนจากอุปกรณ์จัดแต่งทรงผม เพราะทำให้เส้นผมขาดน้ำ แห้งเสีย และชี้ฟู ดูไร้ชีวิตชีวา หากไม่ได้รับการบำรุงอย่างถูกวิธี
นอกจากนี้ ปัญหาด้านสุขภาพก็อาจทำให้เกิดผมแห้งเสียได้ เช่น ร่างกายขาดวิตามินและแร่ธาตุสำคัญอย่างวิตามิน A C E และไบโอติน หรือต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ รวมถึงฮอร์โมนไม่สมดุลก็อาจส่งผลต่อโครงสร้างผมได้เช่นกัน โดยปัญหาผมแห้งเสียเหล่านี้ สามารถฟื้นบำรุงได้ด้วยการใช้น้ำมันมะกอก หากหมั่นดูแลรักษาเส้นผมเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง จะช่วยลดผมแห้งเสีย และสภาพโครงสร้างเส้นผมจะแข็งแรงขึ้น ดูมีชีวิตชีวาขึ้นเรื่อยๆ
ประโยชน์ของน้ำมันมะกอกต่อเส้นผม
น้ำมันมะกอกนั้นดีต่อเส้นผม เมื่อนำมาชโลมเส้นผม ธรรมชาติของน้ำมันมะกอกจะเคลือบอยู่บนเส้นผมโดยจะมีลักษณะเป็นฟิล์มบางๆ ทำให้ผมไม่ขาดร่วงง่าย และยังช่วยควบคุมการชี้ฟูและเพิ่มความเงางาม นอกจากนี้ยังมีประโยชน์อีกหลายประการดังนี้…
1.เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผมแห้งเสีย
น้ำมันมะกอกเป็นสิ่งที่ช่วยบำรุงผมได้ดีเยี่ยมและมีคุณสมบัติที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่เส้นผม ลดการชี้ฟู และช่วยให้ผมนุ่มสลวยยิ่งขึ้น
2.ส่งเสริมการเจริญเติบโตของเส้นผม
น้ำมันมะกอกมีสารโอลิโรพีน ซึ่งมีงานวิจัยศึกษา
พบว่าช่วยควบคุมระยะการเจริญเติบโตของเส้นผมและส่งเสริมการเจริญเติบโตของเส้นผมได้
3.ป้องกันไม่ให้ผมเสีย อ่อนแอ
คุณสมบัติในการให้ความชุ่มชื้นของน้ำมันมะกอกมีประโยชน์ช่วยลดปัญหาผมเปราะบาง ขาดง่าย และแตกปลายได้ดี
4.ลดโอกาสการเกิดผมหงอกก่อนวัย
น้ำมันมะกอกมีสารประกอบที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมหงอกก่อนวัย
Quick Tip
ใส่น้ำมันมะกอกลงในผลิตภัณฑ์บำรุงผม
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
ในการบำรุงให้ล้ำลึกยิ่งขึ้น
แชร์สูตรมาสก์บำรุงผมน้ำมันมะกอกสไตล์ Home made
1.มาสก์น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์
การนวดผมด้วยน้ำมันมะกอกก่อนสระผมช่วยให้เส้นผมเงางาม พร้อมกับเพิ่มความยืดหยุ่นใหเส้นผมมีวอลลุ่มสวยอีกด้วย
ส่วนผสม
น้ำมันมะกอก 1 ถ้วยเล็ก
วิธีทำ
ตั้งไฟอุ่นน้ำมันมะกอกให้พอร้อน แล้วชโลมลงบนเส้นผมให้ทั่วศีรษะโดยเฉพาะอย่างยิ่งบนหนังศีรษะและปลายผม แล้วทิ้งไว้ 20 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น
ข้อแนะนำ : 1.ควรทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้บนหนังศีรษะ 2.ไม่เหมาะสำหรับคนหนังศีรษะมัน เพราะอาจทำให้เกิดการอุดตันที่รูขุมขนได้
2.มาส์กน้ำมันมะกอกกับอะโวคาโด
อะโวคาโดเป็นผลไม้ยอดนิยมที่มีประสิทธิภาพดีเยี่ยมสำหรับการนำมาทำมาส์กบำรุงผมแบบ Home Made และเมื่อใช้ร่วมกับน้ำมันมะกอกจะยิ่งช่วยปรับสภาพเส้นผมให้ผมนุ่ม เรียบเนียน และชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้น
ส่วนผสม
-อะโวคาโดสุก 1 ผล (บด)
-น้ำมันมะกอก ¼ ถ้วย
วิธีทำ
ผสมอะโวคาโดและน้ำมันมะกอกให้เข้ากันจนเป็นเนื้อครีม จากนั้นนำส่วนผสมมาชโลมลงบนเส้นผมแล้วทิ้งไว้ 20 นาที จึงล้างออกให้สะอาด
3.มาสก์น้ำมันมะกอก น้ำผึ้ง และไข่แดง
น้ำมันมะกอกมีวิตามิน อี สูง ช่วยลดปัญหาการหลุดร่วงของเส้นผม เมื่อนำมามาผสมน้ำผึ้งที่ช่วยให้ผมนุ่มลื่น เพิ่มความชุ่มชื้น และผมเจริญเติบโตอย่างแข็งแรง กับไข่แดงที่อุดมไปด้วยโปรตีนอันเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพเส้นผมก็จะยิ่งทำให้มาสก์บำรุงผมได้ดียิ่งขึ้น
ส่วนผสม
-น้ำมันมะกอก 1/2 ถ้วย
-น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
-ไข่แดง
วิธีทำ
ผสมส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำไปชโลมลงบนเส้นผม ทิ้งไว้ 20 นาที ก่อนล้างออกด้วยน้ำอุ่น จากนั้นใช้ครีมนวดผมบำรุงเพิ่มอีกครั้งในกรณีที่เส้นผมอ่อนแอมาก
ผลข้างเคียงของการใช้น้ำมันมะกอกสำหรับบำรุงเส้นผม
น้ำมันมะกอกอาจทำให้เกิดการแพ้ที่หนังศีรษะ จึงควรทดสอบการแพ้ก่อนใช้ รวมถึงอาจทำไปอุดตันที่ผิว รูขุมขน เช่นบริเวณหน้าผาก จนทำให้เกิดสิวได้
คำถามที่พบบ่อย
ถาม : น้ำมันมะกอกช่วยให้ผมยาวเร็วขึ้นไหม
ตอบ : น้ำมันมะกอกไม่สามารถช่วยให้ผมยาวเร็วขึ้นได้ ซึ่งความเร็วในการเจริญเติบโตของเส้นผมขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น อายุ สุขภาพ แต่น้ำมันมะกอกอาจจะช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของเส้นผมใหม่ ทำให้เส้นผมใหม่เติบโตได้อย่างแข็งแรง
ถาม : น้ำมันมะกอกปรุงอาหารสามารถใช้บำรุงเส้นผมได้หรือไม่
ตอบ : ในการบำรุงเส้นผม ควรเลือกใช้น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ ไม่ควรใช้น้ำมันมะกอกสำหรับปรุงอาหารเพราะผ่านกระบวนการผลิตมาเพื่อใช้ประกอบอาหารเท่านั้น ไม่สามารถนำมาใช้เฉพาะที่ได้
ถาม : ใช้น้ำมันมะกอกตอนผมเปียกหรือผมแห้ง
ตอบ : ควรใช้น้ำมันเมื่อผมแห้งหรือผมหมาด จะช่วยให้เส้นผมดูดซึมสารอาหารได้ง่าย
ถาม : น้ำมันมะกอกเหมาะสำหรับทุกสภาพเส้นผมหรือไม่
ตอบ : สามารถใช้ได้กับผมแข็งแรงทุกประเภท และผมที่ผ่านการทำเคมี รวมถึงผมเสียทุกประเภทด้วย แต่คนที่ผมบาง ผมมันหรือหนังศีรษะมัน ควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการอุดตัน และไม่ทำให้ผมลีบแบน
ถาม : ใช้น้ำมันมะกอกบำรุงผมได้บ่อยแค่ไหน
ตอบ : สามารถใช้ได้สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
ถาม : ทิ้งน้ำมันมะกอกไว้บนเส้นผมได้นานแค่ไหน
ตอบ : สามารถทิ้งน้ำมันมะกอกไว้ได้ถึง 1 ชม. สำหรับคนที่ผมแห้งเสียมากๆ อาจทิ้งไว้ข้ามคืนเพื่อให้น้ำมันซึมซาบเข้าสู่เส้นผม ช่วยให่บำรุงได้ดียิ่งขึ้น
ถาม : ควรสระผมก่อนใช้น้ำมันมะกอกหรือไม่
ตอบ : ควรนวดบำรุงผมด้วยน้ำมันมะกอกก่อนแล้วจึงสระผมให้สะอาด
ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจ
-น้ำมันมะกอกมีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้น กระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม และลดการแตกปลาย
-น้ำมันมะกอกสามารถฟื้นบำรุงผมแห้งเสียจากการดูแลเส้นผมผิดวิธี เช่น การสระบ่อยเกินไป ไปจนถึงการทำเคมีต่างๆ และความร้อนได้
-การใช้น้ำมันมะกอกร่วมกับอะโวคาโดโดยผสมส่วนผสมเป็นมาส์กบำรุงเส้นผม จะช่วยให้ผมมีความนุ่ม ชุ่มชื้น และไม่ชี้ฟู
-ควรทดสอบก่อนใช้น้ำมันมะกอกเพราะทำให้เกิดอาการแพ้ได้ในบางคน
หากสนใจผลิตภัณฑ์ Dcash Professional สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากฝ่ายบริการลูกค้าที่ช่องทางติดต่อดังนี้ค่ะ
Website : www.dcash.co.th
Facebook : Dcash Professional
Line ID : @dcashpro (มี@ด้านหน้า)
Instagram : dcash_professional
โทร. 02-726-2300 ต่อ 183 หรือ 511