ลีฟออนบำรุงผมแห้งเสีย ตัวช่วยเนรมิตผลลัพธ์ใหม่ให้เส้นผม

ลีฟออน (ลีฟอิน) เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผมอีกชนิดหนึ่งที่เป็นที่นิยมไม่แพ้ครีมนวดผม สามารถใช้บำรุงผมได้โดยไม่ต้องล้างออกหลังสระ โดยมีนื้อสัมผัสหลายรูปแบบให้เลือกใช้มากมายตามสภาพเส้นผมและความชอบ ทั้งรูปแบบครีม ออยล์ และสเปรย์ ใช้งานได้ง่าย สะดวก แต่มีคุณสมบัติในการฟื้นบำรุงผมได้ดีมาก โดยในวันนี้ Dcash Professional จะมาแชร์เรื่องสำคัญที่ต้องรู้เกี่ยวกับ ลีฟออนบำรุงผมแห้งเสีย ผลิตภัณฑ์ตัวแม่ที่ฮอตฮิตในหมู่สาวๆ ทั้งในเรื่องของประโยชน์ ความแตกต่างกับครีมนวด เคล็ดลับการใช้ ไปจนถึงสารเคมีที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

 

ภาพประกอบบทความ : Shutterstock

 

ลีฟออนช่วยฟื้นฟูเส้นผมแห้งเสีย

 

 

5 ประโยชน์หลักๆ ของการใช้ลีฟออน

ทุกวันนี้ เราเห็นว่ามีผลิตภัณฑ์บำรุงผมหลายชนิดๆ มากๆ ให้เราเลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็นครีมนวดผม เซรั่มบำรุงต่างๆ มาสก์ผมสูตรเข้มข้น หรือเปรย์ฉีดผม และลีฟออนก็เป็นหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่บำรุงผมเสียได้อย่างดีเยี่ยม อุดมไปด้วยวิตามินและสารอาหารต่างๆ มากมาย !

 

1.เติมเต็มความชุ่มชื้น
ลีฟออนมีประสิทธิภาพช่วยเติมความชุ่มชื้นแก่เส้นผมหากใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ปรับสภาพเส้นผมโดยรวมให้ดูสดใสสดชื่น

 

2.บำรุงสุขภาพเส้นผม
นอกจากเเพื่มความชุ่มชื้นแล้ว ลีฟออนบางสูตรยังมีคุณสมบัติในด้านการบำรุงสุขภาพเส้นผม และซ่อมแซมส่วนที่เสียหายด้วยการช่วยเติมสารอาหารให้แก่เส้นผม ทั้งโปรตีนและวิตามินต่างๆ ที่ให้ประโยชน์มากมาย เหมาะสำหรับผมแห้งเสียเป็นพิเศษ

 

3.ผมจัดทรงง่าย
ลีฟออนสามารถช่วยให้ผมเรียงตัวสวย คลายปมผมพันกันได้ ทำให้หวีผมได้ลื่น และจัดแต่งทรงง่าย พร้อมทั้งช่วยลดการชี้ฟูและการเกิดไฟฟ้าสถิต ให้สัมผัสเส้นผมที่ดูเรียบลื่นยิ่งขึ้น แต่บางสูตรก็สามารถเพิ่มวอลุ่มให้เส้นผม ทำให้ผมดูสวยงามโบกสะบัด และชีวิตชีวาได้

 

 

 

 

4.ปกป้องเส้นผม
ลีฟออนถือเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผมที่มีความโดดเด่นในเรื่องของการสร้างงเกราะป้องกันรอบแกนผม ช่วยปกป้องความร้อนจากอุปกรณ์จัดแต่งทรงผม แสงแดด รังสียูวี มลลภาวะ และการทำเคมีต่างๆ ทั้งการยืด ดัด หรือย้อม

 

5.ช่วยให้ลอนผมสวย
ลีฟออนมีประโยชน์มากสำหรับผมหยิกหรือผมหยักศก เพราะคุณสมบัติที่ลดการชี้ฟู เมื่อใช้แล้วจึงทำให้ลอนผมสวย และคงรูปลอนได้นานกว่าเดิม

 

ความแตกต่างของครีมนวดผมกับลีฟออน

ครีมนวดผมกับลีฟออนถือเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทบำรุงเส้นผมทั้งคู่ ซึ่งทั้ง 2 อย่างนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะมีคุณสมบัติด้านการฟื้นบำรุงสภาพผมอ่อนแอแห้งเสีย โดยเน้นประโยชน์ในเรื่องของการเพิ่มความชุ่มชื้น แต่มีความแตกต่างกันอยู่ตรงที่ครีมนวดผมสามารถบำรุงซึมลึกเข้าถึงโครงสร้างเส้นผมได้โดยการหมักทิ้งไว้หลังสระแล้วล้างออก ส่วนลีฟออนเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้บำรุงเส้นผมแต่ไม่ต้องล้างออก สามารถใช้เป็นเกราะป้องกันสิ่งที่จะทำอันตรายต่อสุขภาพเส้นผมได้ เช่น มลภาวะ ฝุ่น แสงแดด รวมถึงบำรุงสุขภาพเส้นผม กักเก็บน้ำและความชุ่มชื้นได้

แต่ทั้งนี้ คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ประเภทนั้นขึ้นอยู่กับสูตรของแต่ละแบรนด์ด้วยว่าคิดค้นหรือสร้างสรรค์ออกมาให้มีจุดเด่นและมีประโยชน์ต่อเส้นผมในเรื่องไหน เช่น สูตรสำหรับป้องกันความร้อนและมลภาวะ สูตรสำหรับผมทำสี สูตรเข้มข้นสำหรับผมที่ต้องการการบำรุงเป็นพิเศษ โดยเราสามารถใช้ทั้งครีมนวดผมและ ลีฟออนบำรุงผมแห้งเสีย ควบคู่กันไปได้ เพื่อผลลัพธ์ของสุขภาพเส้นผมที่ดียิ่งขึ้น และเป็นการช่วยฟื้นบำรุงเส้นผมได้เร็วขึ้นด้วย

 

 

ทาลีฟออนเน้นที่ปลายผม

 

 

เคล็บลับการใช้ลีฟออนบำรุงผม

การเลือกใช้ลีฟออนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ควรเลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพเส้นผม รวมถึงควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป เพื่อไม่ให้ผมทิ้งตัวจนลีบแบนหรือทำให้รู้สึกเหนอะหนะ และควรใช้อย่างถูกวิธี โดยดีแคชจะแชร์เคล็ดลับการใช้ลีฟออนเพื่อผลลัพธ์ผมสวยแข็งแรง

 

วิธีใช้ลีฟออน

1.หลังจากสระผม ซับผมให้แห้งหมาดอย่างเบามือด้วยผ้าขนหนูนุ่มๆ (อย่าขยี้ผม)
2.ฉีดหรือลูบไล้ลีฟออนลงบนเรือนผม หากเป็นเนื้อครีมให้กะปริมาณไม่เกินขนาดถั่วลิสง แต่ถ้าผมมีความหนาหรือยาวมากก็สามารถเพิ่มปริมาณได้ แล้วเริ่มไล่บำรุงจากผมด้านในตรงกลางของเส้นผมแล้วไล่ไปจนถึงปลายผม ทำไปเรื่อยๆ จนถึงผมด้านนอก และสามารถเน้นบำรุงที่ปลายผมได้ในกรณีที่เริ่มมีผมแตกปลาย หรือปลายผมแห้งเสียมาก
3.ใช้นิ้วหรือหวีซี่ห่างหวีเบาๆ เพื่อกระจายเนื้อลีฟออนให้บำรุงได้อย่างทั่วถึงทั้งศีรษะ
4.เป่าผมให้แห้งด้วยลมเย็น จะรู้สึกได้ทันทีว่าเส้นผมมีความนุ่มลื่นขึ้น

 

ลีฟออนนั้นใช้งานได้ดีหลังสระผม แต่บางสูตรสามารถใช้ได้ทุกวันเพื่อเร่งฟื้นบำรุงสภาพเส้นผม ให้ความชุ่มชื้นสำหรับผมที่แห้งมาก และกระตุ้นลอนผมให้เด้งสวย หรือจะ 2-3 วันใช้ทีนึงก้ได้สำหรับคนที่มีสภาพผมมัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพเส้นผมของแต่ละคนด้วย

โดยปกติแล้ว เส้นผมทุกประเภทสามารถใช้ลีฟออนบำรุงสุขภาพได้ โดยเฉพาะเส้นผมที่มีแนวโน้มว่าจะแห้งเสีย หรือต้องเผชิญกับมลภาวะ แสงแดด รวมถึงสภาพอากาศ ลีฟออนจะช่วยปรับสมดุลระดับความชุ่มชื้น และฟื้นบำรุงสุขภาพผมโดยรวม ให้มีความเงางามด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ที่เป็นส่วนผสมหลักของแต่ละสูตร

 

 

ลีฟออนช่วยให้ผมไม่พันกัน

 

 

ลีฟออนกับการบำรุงผมที่ทำสี

สาวๆ สามารถใช้ลีฟออนบำรุงผมทำสีนอกเหนือจากการมาสก์ผมหรือใช้ครีมนวดผมได้ด้วย ซึ่งลีฟออนนั้นมีประโยชน์ในหลายๆ ด้านสำหรับผมทำสี ทั้งเพิ่มความชุ่มชื้นภายในโครงสร้างที่แห้งเสียที่ผ่านกระบวนการย้อมผม ช่วยลดผมพันกัน เพิ่มความมีชีวิตชีวา เรียบลื่น และยังป้องกันความเสียหายอื่นๆ อีกด้วย เช่น ผมแตกปลายและชี้ฟู รวมถึงทำให้ผมแข็งแรง มีความเงางามขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะสูตรที่ออกแบบมาเพื่อผมทำสีโดยเฉพาะ จะมีส่วนช่วยคงสภาพเม็ดสี รักษาสีผมให้อยู่ได้นานขึ้นได้

 

ส่วนผสมที่ควรหลีกเลี่ยงในลีฟออนสำหรับผมทำสี

เพื่อรักษาสภาพและความมีชีวิตชีวาของเส้นผมทำสี หากเป็นไปได้ แนะนำว่าควรเลือกลีฟออนที่ปราศจากส่วนผสมดังต่อไปนี้ จะช่วยให้สีผมไม่เฟดเร็ว และฟื้นบำรุงส่วนที่เสียหายให้กลับมาแข็งแรงได้เร็วขึ้น

 

1.ซัลเฟต
สารประเภทซัลเฟต เช่น Sodium Lauryl Sulfate (SLS) หรือ Sodium Laureth Sulfate (SLES) เป็นสารที่สามารถดึงน้ำมันธรรมชาติที่เกิดจากหนังศีรษะออกจากเส้นผมของเราได้ ส่งผลให้ผมแห้งยิ่งขึ้น จนโครงสร้างเส้นผมจะค่อยๆ เปรอะบางอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เกิดการขาดร่วง นอกจากนี้ ยังอาจทำให้ระคายเคืองหนังศีรษะ จนทำให้โคนผมอ่อนแอและเกิดผมร่วงได้อีกด้วย

 

2.แอลกอฮอล์
แอลกอฮอล์เป็นสารอีกประเภทหนึ่งที่สามารถดึงความชื้นออกจากเส้นผมได้ไม่ต่างจากซัลเฟต โดยจะทำให้ผมชี้ฟูและขาดร่วง ส่วนใหญ่แอลกอฮอล์มักแฝงอยู่ในรายการส่วนผสมที่ชื่อว่า ‘โพรพานอล’ หรือ ‘เอทานอล’

 

 

 

Quick Tip
สำหรับผมทำสี แนะนำลีฟออนที่มีส่วนผสมของเคราติน
น้ำมันสกัดจากธรรมชาติ เช่น มะพร้าว งา น้ำมันมะกอก และไบโอติน
จะช่วยปกป้องและบำรุงผมที่ทำสีได้อย่างล้ำลึก

 

 

3.พาราเบน
พาราเบนเป็นสารกันเสียชนิดหนึ่งที่พบได้ทั่วไปในผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผม มักทำร้ายเม็ดสีผมตามธรรมชาติรวมถึงน้ำมันตามธรรมชาติของเส้นผม จึงทำให้ผมแห้งและเปรอะบาง

 

4.สารเคมีรุนแรงอื่นๆ
ควรหลีกเลี่ยงสารจำพวกโพลีซอร์เบต ไตรโคลซาน โซเดียมคลอไรด์ ฟอร์มาลดีไฮด์ โคคามิโดโพรพิลเบทาอีน และเรตินิลปาลมิเทตด้วย เพราะสารเหล่านี้ส่งผลเสียต่อผิวหนัง เล็บ หรือเส้นผมของเรา อาจทำให้เกิดความเสียหาย และเกิดการระคายเคืองได้

 

หากสนใจผลิตภัณฑ์ Dcash Professional สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากฝ่ายบริการลูกค้าที่ช่องทางติดต่อดังนี้ค่ะ

Website : www.dcash.co.th

Facebook : Dcash Professional

Line ID : @dcashpro (มี@ด้านหน้า)

Instagram : dcash_professional

โทร. 02-726-2300 ต่อ 183 หรือ 511

แชร์