เชื่อว่าสาวๆ ที่ทำสีผมหลายคนคงเตรียมใจมากก่อนแล้วว่าเส้นผมจะต้องสัมผัสกับสารเคมี ทำให้ไม่นุ่มสลวยหรือดูแข็งแรงเหมือนก่อนทำสีแน่ๆ และยิ่งถ้าเป็นโทนสีที่ต้องฟอกต้องกัดก่อนก็ยิ่งทำให้เส้นผมแห้งเสียหนักกว่าเดิมเข้าไปอีก ทำให้จำเป็นต้องหาตัวช่วยฟื้นฟูเส้นผมให้กลับมาสวยโดดเด่นได้เหมือนเดิม และในวันนี้ Dcash Professional จะมาแชร์สุดยอด สารสกัดบำรุงผมทำสี ที่เรียกได้ว่าเป็นตัวแม่แห่งการบำรุง เพราะมีคุณสมบัติในการช่วยปรับสภาพผมเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังช่วยทำให้สีผมติดทนทานยิ่งขึ้น สีเฟดช้าลงด้วย
1. น้ำมันอาร์แกน (Argan Oil)
อาร์แกนออยล์ เป็นพืชธรรมธาติที่มีประโยชน์สูงมาก และเป็นน้ำมันสกัดที่นิยมใช้กันมานานหลายศตวรรษ โดยมีคุณสมบัติครอบจักรวาล ครอบคลุมได้ทั้งการบำรุงรักษา ปรับสภาพ และเพิ่มความแข็งแรงให้แก่เส้นผม ในด้านการบำรุงรักษาจะช่วยลดการแตกปลาย การขาดหลุดร่วงได้ดีมากๆ สามารถปรับสภาพโครงสร้างเส้นผมอ่อนแอ ซึ่งมีลักษณะชี้ฟู จัดทรงยาก จากการทำสีผม ให้กลับมานุ่มสลวยและจัดทรงได้ง่ายยิ่งขึ้น พร้อมทั้งยังช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้หลังจัดแต่งทรงแล้วเส้นผมและสีผมดูมีมิติสวยอีกด้วย รวมถึงช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผมแข็งแรง โดยเฉพาะกับผมแห้งเสียจากสารเคมีในสีย้อมผม และยังสามารถบำรุงหนังศีรษะให้แข็งแรงได้ โดยช่วยลดความแห้งกร้าน คนที่เส้นผมและหนังศีรษะแห้งก็สามารถใช้ได้ดีด้วย
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับน้ำมันอาร์แกน
Quick Tip
เลือกใช้สีย้อมผมผสมสารสกัดจากอาร์แกนออยล์
ช่วยให้ผลลัพธ์สีผมสดสวยเด่นชัด
พร้อมกับบำรุงสุขภาพผมไปในตัว
และไม่ทำร้ายเส้นผมให้แห้งเสีย
2. น้ำมันมะพร้าว (Coconut Oil)
ไอเทมที่เหมาะสำหรับช่วยปกป้องเส้นผมถูกทำลายที่นิยมกันมากตัวหนึ่งคือ น้ำมันมะพร้าว เป็นน้ำมันธรรมชาติที่มีกรดไขมันอิ่มตัวเรียกว่า Lauric acid ซึ่งมีขนาดเล็กมากๆ ทำให้เข้าไปแทรกตัวอยู่ในโครงสร้างเส้นผมได้ง่ายสุดๆ ช่วยป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้น รวมถึงป้องกันสารเคมีต่างๆ จากสีย้อมผม รวมถึงเสารเคมีอื่นๆ ที่จะเข้าไปทำร้ายเส้นผม นอกจากนี้ยังสามารถบำรุงเส้นผมให้แข็งแรงได้ด้วยการมาสก์หรือหมักผมด้วยน้ำมันมะพร้าว (วิธีนี้ไม่เหมาะกับคนหนังศีรษะมัน) เป็นการเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการสูญเสียโปรตีน ให้ได้ทั้งผมธรรมดาไปจนถึงเส้นผมที่ผ่านการย้อมสีมาแล้ว หรือจะบำรุงต่อเนื่องสักระยะก่อนย้อมผมก็ได้ เพื่อเป็นการเสริมสุขภาพให้เส้นผมสามารถรับกับกระบวนการเปลี่ยนสีของเส้นผมได้ดีขึ้น และยังมีคุณสมบัติที่ช่วยให้เส้นผมเงางาม มีน้ำหนัก และกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมได้
3. น้ำมันโจโจบา (Jojoba Oil)
น้ำมันโจโจบาเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งในการช่วยบำรุงเส้นผม โดยมีจุดเด่นสำคัญคือมีองค์ประกอบของกรดไขมันคล้ายกับน้ำมันที่มาจากหนังศีรษะของเรา ทำให้ซึมลึกเข้าสู่หนังศีรษะได้ง่าย ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นพร้อมกับกักเก็บความชุ่มชื้นได้ในตัว ช่วยลดปัญหาผมขาดหรือโครงสร้างเปรอะบาง กระตุ้นให้ผมเกิดใหม่เจริญเติบโตอย่างแข็งแรง เงางามได้ตั้งแต่รากจนถึงปลาย รวมถึงมีวิตามิน E สูง สามารถป้องกันเส้นผมจากมลภาวะได้ และยังใช้ได้ดีเมื่อหนังศีรษะแห้งหลังจากย้อมสีผม ลดอาการอักเสบ อาการแพ้ หรือการระคายเคือง
4. เคราติน (Keratin)
เคราตินเป็นโปรตีนสำคัญที่อยู่ในโครงสร้างเส้นผม มีหน้าที่ปกป้องเส้นผมจากสิ่งแปลกปลอม ซึ่งเส้นผมทำสีที่ขาดเคราตินส่วนใหญ่จะมีสภาพแห้งเสีย และค่อนข้างอ่อนแอ โดยเฉพาะเส้นผมหลังทำสี ฉะนั้นการเติมเคราตินจึงมีประโยชน์ในการซ่อมแซมและเสริมความแข็งแรงให้กับเส้นผมที่เสียหายจากการทำเคมี ช่วยทำให้เส้นผมนุ่มและลื่น เรียงตัวสวย จัดทรงได้ง่าย นอกจากนี้ยังช่วยให้สีผมติดทนนานมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ฉะนั้นการใช้ครีมนวดสำหรับผมทำสีโดยเฉพาะซึ่งมีส่วนผสมของเคราตินจะช่วยแก้ปัญหาโครงสร้างเส้นผมเสียหายได้ รวมถึงทำให้ผมมีชีวิตชีวาขึ้นมีระยะยาว
5. ว่านหางจระเข้ (Aloe Vera)
ว่านหางจระเข้มีคุณสมบัติโดดเด่นในการฟื้นฟูและบำรุงหนังศีรษะ โดยเฉพาะหนังศีรษะโดนทำลายหลังจากการทำสี ว่านหางจระเข้จะมีหน้าที่ปกป้องดูแลเส้นผม ลดอาการคัน อาการแพ้ อาการระคายเคืองต่างๆ รวมถึงช่วยเติมน้ำให้แก่เส้นผม ทำให้เส้นผมชุ่มชื้น สดชื้น มีชีวิตชีวา และยังสามารถลดปัญหาผมแตกปลายได้ และยังช่วยลดผมขาดหลุดร่วงหลังย้อม
6. น้ำมันอัลมอนด์ (Almond oil)
น้ำมันอัลมอนด์เป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่มีวิตามินและแร่ธาตุหลากหลายชนิด เช่น โอเมก้า 3 วิตามิน E แมกนีเซียม มีคุณสมบัติโดดเด่นในเรื่องช่วยบำรุงผมแห้งเสียให้กลับมานุ่มสลวย แข็งแรง มีชีวิตชีวาอย่างเป็นธรรมชาติ เปรียบเสมือนเติมโปรตีนเสริมให้แก่โครงสร้างเส้นผม มีวิตามิน B และไบโอติน ฟื้นบำรุงความเสียหายที่เกิดขึ้นบนเส้นผมได้ พร้อมกับช่วยเสริมความชุ่มชื้นให้แก่หนังศีรษะผมทำสีอย่างอ่อนโยนได้ด้วยการนำมาหมักผมสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง และส่งเสริมการเจริญเติบโตของเส้นผม ลดปัญหาผมร่วงได้อีกด้วย
7. น้ำมันมะกอก
น้ำมันมะกอกเป็นน้ำมันยอดฮิตสำหรับบำรุงเส้นผมในบ้านเรามานาน มีคุณสมบัติมากมายที่เหมาะสำหรับนำมาบำรุงเส้นผมก่อนและหลังทำสี มีวิตามินที่ช่วยซ่อมแซมเซลล์ผมที่เสียหายโดยเฉพาะเส้นผมที่มีผิวสัมผัสค่อนข้างหยาบกระด้างหลังทำสี สามารถปรับสภาพให้เงางามนุ่มสลวย ดูมีชีวิตชีวา มีวอลลุ่ม พร้อมทั้งป้องกันศีรษะและเส้นผมแห้งเสีย ช่วยรักษาสุขภาพเส้นผมให้แข็งแรงได้ยาวนาน รวมถึงยับยั้งการเติบโตของฮอร์โมน DHT ที่ส่งผลเสียต่อหนังศีรษะ ทำให้รูขุมขนอ่อนแอ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผมร่วงได้
Quick Tip
สำหรับคนมีสภาพแห้งมากๆ สามารถชโลมน้ำมันมะกอก
ทิ้งไว้ข้ามคืน เพื่อลดการแตกปลายได้
(ทำได้ทั้งผมทำสีและไม่ทำสี)
หรือใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผมที่ส่วนผสมของน้ำมันมะกอก
ใครกำลังมีปัญหากลุ้มใจเกี่ยวกับผมแห้งเสียจากการทำสี ยืดอายุสีผมให้เฟดช้าลง ลดการชี้ฟู แตกปลาย หรืออยากเพิ่มความแข็งแรง เพิ่มความเงางามให้เส้นผม และลดการหลุดร่วง ก็สามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผสมสารสกัดจากน้ำมันธรรมชาติเหล่านี้ได้เลย โดยใช้ได้เป็นประจำอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ไม่ต้องกังวลเรื่องผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย ยกเว้นคนที่มีสภาพเส้นผมมัน หรือหนังศีรษะมันง่าย อาจใช้ในปริมาณที่น้อยลงหน่อย
สรุปจุดเด่นของ สารสกัดบำรุงผมทำสี แต่ละชนิด
1.น้ำมันอาร์แกน : ครอบคลุมได้ทั้งการบำรุงรักษา ปรับสภาพ และเพิ่มความแข็งแรงให้แก่เส้นผม
2.น้ำมันมะพร้าว : มีกรด Lauric acid ขนาดเล็ก เข้าซึมลึก แทรกตัวอยู่ในโครงสร้างเส้นผมได้ง่าย
3.น้ำมันโจโจบา : องค์ประกอบกรดไขมันคล้ายน้ำมันจากหนังศีรษะและมีวิตามิน E สูง เพิ่มความชุ่มชื้น
4.เคราติน : โปรตีนสำคัญที่อยู่ในโครงสร้างเส้นผม ช่วยซ่อมแซมและเสริมความแข็งแรงให้เส้นผม
5.ว่านหางจระเข้ : ลดคัน อาการแพ้ การระคายเคือง และเติมน้ำให้เส้นผมมีชีวิตชีวา
6.น้ำมันมะกอก : ซ่อมแซมเซลล์ผมที่เส้ยหาย เพิ่มความชุ่มชื้น บำรุงหนังศีรษะ
อ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติม
- ดูแลผมหลังทำสี ด้วย 9 เคล็ดลับ จบปัญหาผมแห้งเสียและสีติดทนนาน
- ป้องกันผมเสียจากความร้อน ด้วย 6 วิธีง่ายๆ ในแบบฉบับ Dcash Guru !
- 6 ประเภทครีมนวดผม คืนชีวิตใหม่ให้ผมแห้งเสียได้ดีที่สุด
สนใจผลิตภัณฑ์ Dcash Professional สามารถสอบถามข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมจากฝ่ายบริการลูกค้าได้ที่ช่องทางติดต่อดังนี้
Website : www.dcash.co.th
Facebook : Dcash Professional
Line ID : @dcashpro (มี@ด้านหน้า)
Instagram : dcash_professional
โทร. 02-726-2300 ต่อ 183