การจัดแต่งทรงผมบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการเป่าผม การทำเคมี หรือการใช้ความร้อน ทำให้เส้นผมต้องการความชุ่มชื้นมากขึ้น เพราะความร้อนและสารเคมีทำให้ผมแห้ง แตกปลาย และเสียหายได้ สาวๆ จึงจำเป็นต้องฟื้นฟูสุขภาพเส้นผมให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง โดยในวันนี้ Dcash Professional จะมาเล่าถึงสาเหตุของผมแห้ง วิธีเติมความชุ่มชื้นให้แก่เส้นผม พร้อมทั้งสูตรมาสก์บำรุงผมแบบ DIY ง่ายๆ ที่ทำได้เองที่บ้าน เพื่อ เพิ่มความชุ่มชื้นให้เส้นผม พลิกฟื้นผมแห้งเสียให้สวยปังได้ทันที !
สาเหตุของผมแห้ง
มีสาเหตุหลายประการที่ทำให้เส้นผมแห้งเสีย จนรู้สึกได้ถึงความเปรอะบาง แห้งเสีย ยกตัวอย่างสาเหตุหลักๆ ที่พบบ่อย คือ หนังศีรษะไม่ผลิตน้ำมันตามธรรมชาติออกมามากเพียงพอ หรือเมื่ออายุมากขึ้น การผลิตน้ำมันตามธรรมชาตินั้นเริ่มลดลง ซึ่งภาวะเหล่านี้เป็นปัจจัยภายในที่ทำให้ผมแห้ง ขาดความชุ่มชื้น และต่อไปนี้คือปัจจัยภายนอกอื่นๆ ที่ส่งผลต่อสุขภาพเส้นผม
1.การใช้เครื่องมือจัดแต่งทรงผมมากเกินไป
ความร้อนจากเครื่องมือจัดแต่งทรงผม เช่น เครื่องม้วนผม เครื่องหนีบผม และไดร์เป่าผม ทำให้ผมแห้งเสียได้ รวมถึงการย้อมผม และการทำเคมีก็มักจะทำให้ผมแห้งได้ด้วยเช่นกัน
2.การสระผมบ่อยเกินไป
การสระผมบ่อยๆ อาจทำให้ผมแห้ง สารเคมีในแชมพูอาจทำลายสภาพเส้นผมและทำให้ผมชี้ฟู นอกจากนี้ หากไม่ใช้ครีมนวดผมหลังสระก็อาจทำให้ผมของคุณแห้ง แลดูไม่มีชีวิตชีวาด้วย
3.สภาพแวดล้อมภายนอก
การปล่อยให้ผมสัมผัสกับลม แสงแดด คลอรีนในสระว่ายน้ำ ไปจนถึงสภาพภูมิอากาศที่เลวร้ายอาจทำให้ผมแห้งเสียและดูไม่มีชีวิตชีวา
4.การใช้แปรงผมที่ไม่เหมาะสม
แปรงผมแบบโลหะที่มีขนแปรงไม่เท่ากันอาจทำให้ผมแห้งและขาดร่วงได้
5.การฟอกสีผม
การใช้สารฟอกสีผมทำให้ผมแห้ง เปราะบาง และขาดน้ำ สารเคมีที่รุนแรงเหล่านี้สามารถดึงเอาความชื้นตามธรรมชาติของเส้นผมออกได้ ทำให้ผมแห้งเสียและสุขภาพโดยรวมของเส้นผมเสียหายได้อย่างง่ายดายและค่อนข้างรุนแรง
รวมเคล็ดลับที่ดีที่สุดในการ เพิ่มความชุ่มชื้นให้เส้นผม
1.ใช้แชมพูและครีมนวดผมสูตรเพิ่มความชุ่มชื้น
ใช้แชมพูที่เพิ่มความชุ่มชื้นและครีมนวดผมแบบเข้มข้นหรือสูตรที่ให้ความชุ่มชื้นเป็นพิเศษ โดยเลือกให้เหมาะกับประเภทผมของเรา นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกใช้ลีฟอินบำรุงผม หรือครีมนวดผมสูตรให้ความชุ่มชื้นเป็นพิเศษ เพื่อเติมเต็มความชื้นที่สูญเสีย พลิกฟท้นสภาพผมแห้งเสียให่กลับมาแข็งแรงขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ
2.ล้างผมด้วยน้ำเย็น
การล้างผมด้วยน้ำร้อนเป็นการทำลายสุขภาพเส้นผม ความร้อนทจะำลายความชื้นและน้ำมันตามธรรมชาติของเส้นผม ทำให้ผมแห้ง ชี้ฟู และเปราะบาง แต่น้ำเย็นจะช่วยรักษาความชื้นในเส้นผมและรูขุมขนบนหนังศีรษะ ป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกเข้าไปได้
3.บำรุงด้วยเซรั่มเป็นกิจวัตร
เซรั่มบำรุงผมช่วยเคลือบผมและปกป้องเส้นผมจากความเสียหายที่เกิดจากเครื่องม้วนผม เครื่องหนีบผม และไดร์เป่าผม เซรั่มนั้นมีคุณสมบัติช่วยลดการชี้ฟู ทำให้ผมเงางาม และเรียบลื่นได้ เพียงแค่ทาเซรั่มลงบนผมเปียกหลังจากสระผมและบำรุงผมด้วยผลิตภัณฑ์ต่างๆ แล้ว รวมถึงยังใช้เซรั่มเป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนจัดแต่งทรง เพื่อเพิ่มความเงางามได้อีกด้วย
4.ใช้ Dry Shampoo
การสระผมทุกวันอาจทำให้ผมแห้งแทนที่จะสระผมเป็นประจำ ให้ใช้แชมพูแห้งระหว่างการสระผมเพื่อคืนความสดชื่นให้กับเส้นผมและป้องกันการสะสมของน้ำมันบนหนังศีรษะใช้แชมพูแห้งเมื่อเส้นผมของคุณรู้สึกมันและปลายผมต้องการความชุ่มชื้น
5.ลดการใช้อุปกรณ์จัดแต่งทรงผมด้วยความร้อน
การใช้อุปกรณ์จัดแต่งทรงผมด้วยความร้อนทำให้ผมแห้งเสียได้ หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรปรับความร้อนให้อยู่ในระดับต่ำที่สุด พร้อมกับใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันความร้อนเพื่อสร้างเกราะปกป้องเส้นผมจากความร้อน และหากต้องเซตผมให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมที่ไม่ต้องใช้ความร้อน เช่น สเปรย์จัดแต่งทรงผม มูส หรือเจล เพื่อรักษาความชุ่มชื้นในโครงสร้างเส้นผม
6.บำรุงเข้มข้นด้วยมาส์กบำรุงผม DIY
การบำรุงผมด้วยมาส์กเป็นประจำทุกสัปดาห์เป็นวิธีที่ดีมากๆ ในการรักษาสุขภาพผมโดยรวม มาสก์ผม DIY ที่มีส่วนผสมอย่างน้ำผึ้ง ไข่แดง น้ำมันอัลมอนด์ และอะโวคาโด จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่สภาพผมแห้งเสีย ช่วยเพิ่มความเงางาม และทำให้ผมนุ่มขึ้น ถือเป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์สำหรับผมที่ดีที่สุดอีกอย่างหนึ่งที่ทำเองได้ง่ายๆ ที่บ้าน รวมถึงยังช่วยซ่อมแซมผมที่เสียหายและปรับสภาพเส้นผมได้อย่างล้ำลึก นอกจากนี้ยังสามารถใช้น้ำมันบำรุงผม หรือเซรั่มเพื่อเติมความชุ่มชื้นและทำให้ผมเรียบลื่นขึ้นได้อีกขั้น
7.ใช้น้ำมันธรรมชาติบำรุงผม
ผมแห้งและเปราะบางมีแนวโน้มที่จะเกิดไฟฟ้าสถิตเนื่องจากขาดความชุ่มชื้น ซึ่งการบำรุงผมด้วยน้ำมันมะพร้าว น้ำมันอัลมอนด์ น้ำมันอาร์แกน และน้ำมันมะกอก สามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นจึงช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ วิธีการคือหยดน้ำมันลงบนปลายผมที่แห้งแล้วหวีเบาๆ หากต้องการให้ผมนุ่มขึ้นเป็นพิเศษ ให้ผสมน้ำมันอะโวคาโดและน้ำมันเมล็ดองุ่นบำรุงเส้นผมอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งน้ำมันอะโวคาโดนั้นอุดมไปด้วยไขมันอิ่มตัวเชิงเดี่ยว ช่วยเป็นอาหารผมชั้นดี ส่วนน้ำมันเมล็ดองุ่นนั้นทำหน้าที่เป็นสารเคลือบผมที่ยอดเยี่ยม ช่วยลดผมชี้ฟู และลดการแตกปลายได้ดี นอกจากนี้ยังใช้น้ำมันธรรมชาติกับผมยาวเพื่อให้ผมเรียบลื่นและจัดทรงง่ายขึ้น
แจก ! 3 สูตรมาสก์ DIY แก้ปัญหาผมเสีย เพิ่มความชุ่มชื้นแบบจัดเต็ม
1.สูตรน้ำมันมะพร้าว
สูตรนี้มีคุณสมบัติพิเศษในการให้ความชุ่มชื้น ช่วยป้องกันการสูญเสียโปรตีนของเส้นผม พร้อมทั้งช่วยให้เส้นผมนุ่ม ชุ่มชื้น และยืดหยุ่นมากขึ้น
ส่วนผสม
น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ (ใช้ตามปริมาณความยาวของเส้นผมได้มากน้อยตามความต้องการ)
วิธีใช้
นวดผมและหนังศีรษะเบาๆ สัก 2-3 นาที จากนั้นปล่อยทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง แล้วสระผมด้วยแชมพูอ่อนๆ ตามด้วยครีมนวดผม ควรทำเป็นประจำ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
2.กล้วยและน้ำมันมะกอก
กล้วยมีสารอาหารที่จำเป็นต่อเส้นผม ใช้เป็นครีมนวดผมได้ดี และน้ำมันมะกอกมีคุณสมบัติเป็นสารเพิ่มความชื้นที่ช่วยให้ผมชุ่มชื้นมากขึ้นเมื่อนำมาผสมกันจะสามารถบำรุงสุขภาพเส้นผมได้ และทำให้ผมนุ่มขึ้นได้
ส่วนผสม
-กล้วยสุก 1 ลูก
-น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ 1-2 ช้อนโต๊ะ
วิธีใช้
ผสมกล้วยสุกกับน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ แล้วทาบนผมและหนังศีรษะที่เปียก โดยทิ้งไว้ 15-20 นาทีแล้วล้างออก ควรทำสัปดาห์ละครั้ง
3.ไข่ดิบและน้ำมันมะกอก
น้ำมันมะกอกมีสารโอเลอูโรเปอีนช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของเส้นผม และไข่อุดมไปด้วยไขมันกับโปรตีนที่ช่วยบำรุง พร้อมกับเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่เส้นผม ทำให้ผมเรียบลื่นเป็นมันเงา
ส่วนผสม
-ไข่ดิบ 1 ฟอง
-น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีใช้
ผสมไข่กับน้ำมันมะกอกเข้าด้วยกัน แล้วทาบนผมและหนังศีรษะ จากนั้นคลุมศีรษะด้วยผ้าขนหนู ทิ้งไว้ 30-60 นาที จึงล้างผมด้วยแชมพูสูตรอ่อนโยน ก่อนปิดท้ายด้วยครีมนวดผม ควรทำสัปดาห์ละครั้ง
สภาพผมแห้งมักจะขาดและแตกปลายได้ง่าย ฉะนั้นการเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่เส้นผมเป็นประจำ จึงช่วยป้องกันความเสียหายได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม สาเหตุของผมแห้งยังมีอีกหลายประการ เช่น เกิดจากการหวีผมผิดวิธี การสระผมบ่อยเกินไป สภาพแวดล้อม และการใช้อุปกรณ์จัดแต่งทรงผมด้วยความร้อนบ่อยไ ดังนั้น เพื่อลดการเกิดผมแห้งเสีย ควรใช้แชมพูที่มีสารเพิ่มความชุ่มชื้นและล้างผมด้วยน้ำเย็น นอกจากนี้การใช้เซรั่มบำรุงผม Dry Shampoo น้ำมันธรรมชาติบำรุงผม ไปจนถึงลดการใช้เครื่องมือจัดแต่งทรงผม และมาส์กผม DIY เป็นประจำ จะสามารถบำรุงสุขภาพเส้นผมที่แห้งเสียอ่อนแอให้กลับมาแข็งแรงงดงามได้
คำถามที่พบบ่อย
1.น้ำมันมะพร้าวกับน้ำมันมะกอก อะไรมีประโยชน์ต่อเส้นผมมากกว่ากัน
ตอบ : น้ำมันมะพร้าวและน้ำมันมะกอกมีประโยชน์ต่อเส้นผมทั้งสองชนิด เพราะมีคุณสมบัติในการบำรุงเส้นผมที่ค่อนข้างคล้ายคลึงกัน การเลือกใช้ก็ให้พิจารณาตามประเภทของเส้นผมและปัญหาของเส้นผม แต่จุดเด่นของน้ำมันมะกอกคือจะซึมซาบเข้าสู่เส้นผมได้ดีกว่าน้ำมันมะพร้าว จึงเหมาะสำหรับช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและป้องกันผมแห้งเสียไปด้วยในตัว
2.มอยส์เจอร์ไรเซอร์ช่วยให้ผมแข็งแรงขึ้นจริงหรือ?
ตอบ : มอยส์เจอร์ไรเซอร์ช่วยกักเก็บความชื้นไว้ในเส้นผมและป้องกันผมแห้ง เปราะบาง และอ่อนแอได้ดี
อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม
6 สูตร มาสก์ผมน้ำมันมะกอก DIY ทำง่าย บำรุงผมให้หนานุ่ม เงางาม
รู้หรือไม่ ! การดื่มน้ำช่วยให้ผมแข็งแรง ได้นะ
ผมเสียจากการว่ายน้ำ ป้องกันได้ด้วยเคล็ดลับง่ายๆ จากผู้เชี่ยวชาญ Dcash
ทำความรู้จัก สีย้อมผมกึ่งถาวร เปลี่ยนลุคใหม่ ปลอดภัยกว่า
รู้ก่อนใช้ผมไม่พัง ! ข้อเสียของเจลจัดแต่งทรงผม
หากสนใจผลิตภัณฑ์ Dcash Professional สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากฝ่ายบริการลูกค้าที่ช่องทางติดต่อดังนี้ค่ะ
Website : www.dcash.co.th
Facebook : Dcash Professional
Line ID : @dcashpro (มี@ด้านหน้า)
Instagram : dcash_professional
โทร. 02-726-2300 ต่อ 183 หรือ 511